ไข่มุก ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ
ศาสตราจารย์ นายแพทย์วิโรจน์ ไววานิชกิจ
ไข่มุก(Pearl)เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่เป็นที่รู้จักกันดีในธรรมชาตินั้นไข่มุกเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้น
เองจากกระบวนการทางชีวเคมีภายในสิ่งมีชีวิตประเภทหอย พบได้ในตัวหอยตระกูลหอยกาบ ทั้งหอยน้ำจืดและ
หอยน้ำเค็ม การเกิดของไข่มุกนั้นเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความเหมาะเจาะอย่างมากตามธรรมชาติ กล่าวคือ
1. ต้องมีหอยกาบในตระกูลที่ผลิตไข่มุกได้
2. มีเศษกรวดทรายบริสุทธิ์ที่มีขนาดเหมาะสม
3. มีการพัดพาในจังหวะที่เหมาะสมทำให้เศษกรวดบริสุทธิ์เข้าไปตกค้างอยู่ในกาบหอย
4. มีความบริสุทธิ์ของน้ำ มีแสงสว่าง มีอากาศบริสุทธิ์ทำให้หอยดำรงชีวิตและเกิดกระบวนการสร้างไข่มุกได้
5. มีช่วงเวลาการบ่มพักให้เกิดไข่มุกที่เหมาะสมคือ อย่างน้อย 3 ปี
ทั้งนี้กระบวนการสร้างไข่มุกนั้นเป็นกระบวนการที่หอยกาบตอบสนองต่อการรบกวนจากเศษกรวดบริสุทธิ์
ที่ทำให้เกิดการระคายเคืองขึ้นในตัวหอย ทำให้มีการหลั่งสารในกลุ่มแคลเซียมที่เรียกว่า "มุก" ออกมาเคลือบ
เศษกรวดบริสุทธิ์นั้น และเมื่อมีการเคลือบอย่างต่อเนื่องจนได้เวลาเพียงพอก็จะเกิดเป็นไข่มุกในที่สุด
ไข่มุกเป็นที่รู้จักกันดีเป็นเวลาหลายพันปี ในอดีตมีการนำไข่มุกมาใช้ประโยชน์กันอย่างกว้างขวาง
โดยเฉพาะในทวีปเอเชีย โดยชนชาติจีนเป็นชนชาติที่นำไข่มุกมาใช้เป็นลำดับแรกๆ ของโลก ในภาษาจีน ไข่มุก
จะเรียกว่า จู หรือ เตียงจู ชาวจีนถือว่า ไข่มุกเป็นสิ่งที่มีความบริสุทธิ์ เป็นของสำคัญที่เทพเจ้าประทานให้จาก
ธรรมชาติ คนจีนยุคโบราณถือว่าไข่มุก เป็นของสูงค่า เป็นของคู่ควรสำหรับชนชั้นสูง หรือใช้สำหรับการถวาย
บูชาเทพเจ้าเท่านั้น ในสมัยโบราณไข่มุกจะถูกใช้เป็นเครื่องประดับสำหรับพระราชวงศ์ โดยนิยมนำมาประดับ
ในเครื่องทรงภูษา มงกุฎ และสร้อยสังวาล นอกจากนั้นแล้วยังนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในการเตรียมเครื่อง
เสวยอีกด้วย โดยมีความเชื่อว่า ไข่มุก มีคุณสมบัติพิเศษ ช่วยรักษาสมดุลการไหลเวียนของพลังชีวิต หรือ
ชี่ มีคุณสมบัติช่วยชะลอวัย ทำให้ไม่แก่ไม่เฒ่า มีอายุยืน
คุณสมบัติทางชีวเคมีของไข่มุก
ไข่มุกเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เป็นสารประกอบชีวเคมีที่ถือว่ามีความบริสุทธิ์สูง ประกอบด้วยสาร
แคลเซียมคาร์บอเนต ประมาณ 90% สารออแกนิก 5 % (ที่สำคัญๆ ได้แก่ msi60, nacrein, msi31,
prismalin-14 และ aspein) และที่เหลือเป็นน้ำ โดยองค์ประกอบหลักในกลุ่มแคลเซียมคาร์บอเนตนั้นจะ
เป็นผลึกที่คงรูป การสลายตัวนั้นจะใช้เวลามากนับร้อยปี ส่วนสารประกอบพวกสารออแกนิกเป็นองค์ประกอบ
ที่เป็นประโยชน์ ที่มีบทบาทสำคัญในการปรับสมดุลของร่างกายตามที่ได้กล่าวมา ไข่มุกแท้นั้นจะมีความแข็ง
ทนทาน ทนต่อกรดด่าง ตลอดจนความร้อนและความชื้น
ด้วยคุณสมบัติทางชีวเคมีอันวิเศษของไข่มุก ทำให้มนุษย์เรานำมาใช้ประโยชน์ต่อร่างกายเป็นระยะเวลา
อันยาวนานแล้ว โดยการนำมาใช้ประโยชน์นั้นหลักๆ ได้แก่
1. การนำมาบดเพื่อรับประทาน
2. การนำมาใช้สำหรับบำรุงผิวพรรณ
สำหรับการนำมาบดรับประทานนั้นต้องอาศัยกระบวนการเตรียมที่จำเพาะจึงมีการใช้ในวงจำกัดกว่าการบำรุงผิวพรรณ
ชาวจีนเป็นชนกลุ่มแรกที่มีการนำไข่มุกทำเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง โดยนำไข่มุกบริสุทธิ์ที่ได้จากทะเลน้ำลึกมาบด
ผสมกับพวกสมุนไพร เตรียมทำเป็นครีมไข่มุกที่เรียกว่า เตียงจูกอ ชาวจีนโบราณเชื่อกันว่า หากใช้เตียงจูกอมาประทิน
ผิวแล้วจะส่งผลให้ผิวพรรณดีไม่มีริ้วรอยเหี่ยวย่น ชะลอความแก่ ทำให้สาวและสวย ท้าทายกาลเวลา
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์การแพทย์เกี่ยวกับประโยชน์ของไข่มุกในการบำรุงผิวพรรณ
มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์การแพทย์เกี่ยวกับประโยชน์ของไข่มุกมากมาย โดยประโยชน์ที่มีการยืนยันชัดเจนจาก
การรับประทานไข่มุก คือ ประโยชน์จากแคลเซียมในไข่มุกที่ช่วยรักษาโรคกระดูกพรุน (Srp Arh Celok Lek. 2009
Sep-Oct;137(9-10):518-23) และ ช่วยเสริมธาตุแคลเซียมสำหรับผู้ที่มีปัญหาแคลเซียมต่ำ (J Food
Sci. 2008 Nov;73(9):H246-51) นอกจากนั้นแล้วยังมีรายงานประโยชน์ที่ใช้ในการบำรุงผิวพรรณมากมายที่ได้
รับการตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการนานาชาติ เป็นที่ยืนยันชัดเจนแล้วว่า ไข่มุกมีประโยชน์ต่อสุขภาพจริง ช่วยส่งเสริม
ให้มีสุขภาพผิวดี และมีคุณสมบัติทางด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย อาทิเช่น
ไข่มุก ช่วยในการรักษาโรคผิวหนังอักเสบที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติที่เรียกว่า atopic dermatitis
โดยผ่านการเสริมสร้างความทนทานของผิวหนังชั้นบน (Comp Biochem Physiol B Biochem Mol
Biol. 2006 Sep;145(1):1-9)
ไข่มุก ช่วยลดกระบวนการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง จากการช่วยการรักษาความชุ่มชื้นและลดอนุมูลอิสระที่ก่อให้
เกิดการทำลายของผิวหนัง (J Cosmet Sci. 2010 Mar-Apr;61(2):133-45)
จากการศึกษาทางด้านแพทย์แผนจีน ไข่มุกได้รับการพิสูจน์ว่ามีประโยชน์จริงในการชะลอวัยของผิวพรรณ
(J Tradit Chin Med. 1988 Dec;8(4):247-50) และมีคุณสมบัติช่วยต่อต้านอันตรายของผิวพรรณจากการ
สัมผัสรังสียูวี (Zhongguo Zhong Yao Za Zhi. 1996 Oct;21(10):635-8)
การทดลองในหนูพบว่า ไข่มุก ช่วยให้มีการทำงานของเยื่อประสานใต้ผิวหนังอย่างมีสมดุล ทำให้ผิวหนังมีความ
คงทนเต่งตึง (Tissue Cell. 2000 Feb;32(1):95-101)
การทดลองในหนูพบว่า ไข่มุก ช่วยเสริมความแข็งแรงของคอลลาเจนใต้ผิวหนังช่วยให้บาดแผลประสานเร็วขึ้น
(Pharm Biol. 2010 Feb;48(2):122-7)