ครีมกันแดด
ทุกคนทราบดีแล้วว่าแสงแดดมีประโยชน์อะไรกับเราบ้าง แต่แสงแดดทำให้เกิดผลเสียกับเราหลายอย่าง
ทำให้ผิวไหม้เเดด ทำให้เกิดฝ้าเเละกระ ทำให้ผิวเหี่ยวเเก่ ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ทำให้เกิดหรือกระตุ้นโรคผิวหนังอักเสบและ โรคทางระบบภูมิคุ้มกันบางชนิด
วิธีป้องกันแสงแดด
1. หลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลาที่มีแดดจัดมากๆ สำหรับประเทศไทย อาจต้องหลีกเลี่ยงตั้งแต่ 8.30-16.30 น.(เวลาทำงานราชการพอดีครับ)
2. สวมใส่เสื้อผ้า หมวก แว่นกันแดด กางร่ม
3. ใช้ยากันแดด
4. ห้ามอาบแดดหรือรับบริการฉายแสงให้ผิวเป็นสีแทน
สารกันแดดมีกี่ชนิด สารกันแดดสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม
1. Physical Sunscreen (สารกันแดดสะท้อนแสง)เป็นสารเพิ่มคุณสมบัติสะท้อนแสง ส่วนมากไม่ทำปฏิกิริยาการแพ้กับผิวหนัง เช่น Titanium Dioxide(TiO2), Zinc Oxide (ZnO) เป็นต้น สารในกลุ่มนี้สามารถป้องกันได้ทั้ง UVA,UVB,Visible Light และ Infrared Light
2. Chemical Sunscreen(สารกันแดดดูดแสง) เป็นสารที่สามารถดูดซับพลังงานของแสงแดดไว้ก่อนที่แสงแดดจะผ่านลงไปที่ผิวหนัง สารในกลุ่มนี้มีหลายชนิด ซึ่งสามารถดูดซับพลังงานในช่วงที่ต่างกันและอาจทำให้เกิดการแพ้ยาได้
วิธีการเลือกใช้ยากันแดดในปัจจุบัน เทคโนโลยีต่างๆ สามารถกันแดดที่ดีขึ้น เช่น สารในกลุ่ม Physical Sunscreen ที่สามารถกันแดดได้ดี และหน้าไม่ขาว หรือ การใช้ยากันแดดทั้ง 2 กลุ่ม (Physical and Chemical Sunscreen) ผสมกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดในการป้องกันแสงแดด
หลักในการเลือกและใช้ยาทากันแดด สิ่งที่ดีที่สุดในการป้องกันแสงแดด คือ การหลีกเลี่ยงแสงแดด แต่ในบางกรณี เราจำเป็นต้องโดนแสงแดด เราจึงควรรู้จักการเลือกใช้ยากันแดดดังนี้
1. พิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสมกับตนเอง โดยคำนึงถึง อาชีพ ลักษณะงาน กีฬา หรือ กิจกรรมต่างๆ ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือการแพ้หรือเปล่า
2.โดยทั่วไปยากันแดดควรมีค่าป้องกันแสงแดด(SPF) เท่ากับหรือมากกว่า 15
3.ควรป้องกันทั้ง UVA และ UVB
4.ไม่ควรใช้ยากันแดดที่มีน้ำหอม เพราะว่าน้ำหอมสามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้บ่อย
5.ควรทาหนากว่าทาครีมทั่วไปเล็กน้อย6.เมื่อมีเหงื่อหรือโดนน้ำควรทายากันแดดซ้ำ หรือใช้ยากันแดดที่สามารถกันน้ำได้
SPF นั้นสำคัญไฉน???
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ในปัจจุบันนี้ว่า แสงแดด สามารถฆ่าคุณได้ อีกทั้งยังมีตัวเลขยืนยันด้วยว่า แต่ละปีคนในสหรัฐอเมริกา เป็นมะเร็งผิวหนังมากถึง ๑ ล้านคน และถ้าจะเทียบกับโรคมะเร็งชนิดอื่นแล้ว ตัวเลขของมะเร็งผิวหนัง มากถึง ๕๐% American Academy of Dermatology เป็นหน่วยงานที่สำรวจ และรายงานตัวเลขข้างต้น อีกทั้งยังเตือนว่า เราต้องเพิ่มความระมัดระวัง และตระหนักถึงปัญหาเรื่องมะเร็งผิวหนังให้มากยิ่งขึ้น และควรอย่างยิ่งที่จะปกป้องผิวจากแสงแดด โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน แต่ทั้งนี้ วิธีการเลือก หาผลิตภัณฑ์ปกป้องแสงแดดอย่างเหมาะสม อาจเป็นสิ่งที่คนจำนวนมากยังไม่เข้าใจ ดังนั้นน่าจะพิจารณาข้อแนะนำต่อไปนี้
เมื่อคุณจะต้องเผชิญกับแสงแดด มีกฏดังต่อไปนี้
1. ใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดที่มีค่า SPF (ค่าสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเท่าของเวลาที่เราสามารถทนต่อแสงแดดได้ในภาวะปกติ) หรือ Sun Protectiom Factor อย่างต่ำ 15 ที่ช่วยยืดระยะเวลาในการที่ผิวจะถูกทำลายเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางแสงแดด โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว ผู้ที่ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิว รังสีอัลตร้าไวโอเล็ท จะทำให้ผิวคล้ำไหม้ได้ภายในเวลา 20 นาที ที่อยู่กลางแดด แต่การใช้ SPF 15 จะช่วยยืดระยะเวลาที่ผิวจะถูกทำลายไปได้อีก Dr. Neil S. Goldberg ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนังแห่ง New York กล่าวว่า SPF 15 น่าจะเป็นปริมาณที่เพียงพอสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องมะเร็งผิวหนังอยู่แล้ว หรือผู้ที่ผิวถูกทำลายได้ง่าย อาจจะต้องใช้ถึง SPF ๒๕ หรือมากกว่านั้น แต่ถ้าเป็นปริมาณที่ต่ำกว่า ๑๕ แล้วจะไม่มีประโยชน์ในการปกป้องผิวแต่อย่างใด ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่มีผิว ที่ไวต่อแสงแดดขนาดไหน
เคยมีการทดสอบประสิทธิภาพในการปกป้องผิว ของ SPF ที่มีค่าต่างกัน พบว่า
SPF 15 สามารถปกป้องรังสีที่เป็นอันตรายได้ร้อยละ 93 ในขณะที่ SPF 25 ปกป้องได้ร้อยละ 96 ส่วน SPF 30 ปกป้องได้ร้อยละ 97
ดังนั้นถ้าคุณไม่ได้มีผิวที่ไวต่อการถูกทำลายโดยแสงแดดก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะเลือกใช้ SPF สูงกว่า 15
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดส่วนมาก มักจะใช้ในปริมาณที่น้อยเกินไปดังนั้น ควรปฏิบัติตามข้อแนะนำที่แนบมากับผลิตภัณฑ์ด้วย
2. เลือกผลิตภัณฑ์ที่สามารถป้องกัน Broad-Spectrum ได้ด้วยในขณะที่หลาย ๆ คน ให้ความสำคัญกับ SPF ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVB อันก่อให้เกิด อาการ ผิวหนังไหม้เกรียมจากแสงแดด และสามารถจะลุกลามไปถึงอาการมะเร็งผิวหนังได้นั้น ยังมีรังสีอีกชนิดหนึ่งที่ควรตระหนักถึง คือ UVA ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบรุนแรงนัก แต่สมควรจะได้รับการป้องกัน เนื่องจาก UVA ทำให้เกิดอาการผิวหนังเหี่ยวย่นและดูสูงวัยนั่นเอง และยิ่งไปกว่านั้น รังสีดังกล่าวอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับมะเร็งผิวหนังได้เช่นกัน
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดจำนวนมาก ได้เพิ่มสารป้องกับรังสี UVA ที่เรียกว่า Broad-Spectrum ที่สามารถปกป้องผิวได้ทั้งจากรังสี UVA และ UVB แม้ขณะนี้ยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก แต่น่าจะเริ่มมีให้เห็นกันหนาตาในอีก 2 -3 ปีข้างหน้า
3. ทาครีมกันแดดซ้ำบ่อย ๆ ปัจจุบันนี้ ยังไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่า เราควรจะทาผลิตภัณฑ์กันแดดซ้ำบ่อยขนาดไหน แต่การทาบ่อย ๆ นั้นเป็นหัวใจสำคัญของการปกป้องผิวจากแสงแดด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเวลาที่ต้องออกจากบ้าน หรือทำงานนอกอาคาร Dr. Martin Weinstock ผู้เชั่ยวชาญด้านโรคผิวหนังแห่ง Brown University และ ประธานกลุ่ม Skincare Advisory แห่ง American Cancer Society กล่าวว่า ถ้าคุณจะไปพักผ่อนชายหาดเต็ม ๆ วัน คุณก็ต้องทายากันแดดซ้ำ ๆ ทั้งวันเหมือนกัน หรืออย่างน้อยทาซ้ำทุก ๆ 80 นาที ถ้าผลิตภัณฑ์ที่ใช้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่รักษาความชุ่มชื้น หรือ Water Resistant งนั้น ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า
กฏที่ดีที่สุดของการใช้ยากันแดดก็คือ ทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง หรือทุก ๆ ครั้งที่คุณรู้สึกว่าผิวเริ่มแห้ง นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณากิจกรรมที่ทำด้วย ยิ่งถ้าเป็นกิจกรรมที่เสียเหงื่อก็ยิ่งต้องทาซ้ำบ่อย ๆ