เชื่อว่าหลายคนที่ทานอาหารเสริมอยู่ก็สงสัยเหมือนกันว่าอาหารเสริมหรือวิตามิน
ควรทานเวลาไหนถึงจะได้รับประโยชน์มากที่สุด!!
ความจริงแล้วนะคะ อยากจะบอกว่าจะกินวิตามินและอาหารเสริมเมื่อไหร่ก็ได้ โดยจะกินเวลาท้องว่าง หรือพร้อมอาหาร หลังอาหารก็ได้
เพราะร่างกายจะเลือกเก็บทุกสิ่งที่ร่างกายต้องการค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เวลาไหนก็ตาม แต่ควรจะกินให้ตรงเวลาทุกวันเพื่อเป็นการสร้างนิสัยให้เราไม่หลงลืมค่ะ
แต่หากอยากจะกินให้ถูกต้องเหมาะสม ให้ได้ผลดีที่สุดจริงๆ ให้ทานตามนี้ค่ะ
- วิตามินรวมผสมแร่ธาตุ ให้ทานพร้อมอาหารและน้ำ เนื่องจากน้ำและอาหารจะแยกวิตามินและแร่ธาตุออกจากกัน
- วิตามินซี ทานเวลาไหนก็ได้กับน้ำเปล่า หรือพร้อมอาหาร วิตามินซีชนิดธรรมดาควรแบ่งกินครั้งละ 250-500 mg.ค่ะ (ยกเว้น ชนิด Buffered, Time Release, Sustained Release ไม่ต้องแบ่ง)
- วิตามินอี ทานพร้อมอาหารที่มีไขมันเล็กน้อย แต่ห้ามทานพร้อมธาตุเหล็กนะ มันไม่ถูกกันค่ะ
- กรดอะมิโน ให้ทานกับน้ำเปล่า ก่อนอาหาร 30 นาที หรือในขณะท้องว่าง หรือก่อนนอน หรือหลังอาหาร 1 ชั่วโมง 30 นาที
- แคลเซียม ทานพร้อมอาหาร หรืออาหารที่ทำมาจากนมได้ยิ่งดี และควรแบ่งกินไม่เกิน 500 mg./ครั้ง
- เหล็ก ทานพร้อมน้ำผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง หรือ น้ำส้ม ห้ามกินกับชา กาแฟ
- สังกะสี หากเป็นชนิดคีเลต ให้ทานขณะท้องว่าง หากไม่ใช่ให้ทานพร้อมอาหารที่มีโปรตีนสูง
- น้ำมันปลา ไม่ใช่น้ำมันตับปลา สองอย่างนี้ต่างกัน วิธีเลือกซื้อน้ำมันปลาคุณภาพสูงควรเลือกยี่ห้อที่มีสีเหลืองเข้ม ยิ่งเข้มยิ่งดี ถ้ามีสีเหลืองอ่อนหรือใสจะมีคุณภาพต่ำ หรือให้เลือกยี่ห้อที่มีคำว่า Whole
- น้ำมันอีฟนิ่ง ให้ทานพร้อมวิตามินอี หากไม่มีวิตามินอีประโยชน์ของน้ำมันอีฟนิ่งจะสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว และให้ทานพร้อมกับอาหารที่มีไขมันเล็กน้อยค่ะ
- สารสกัดเมล็ดองุ่น ทานเพื่อต้านอนุมูลอิสระวันละ 100 มก. ทานเืพื่อผิวพรรณและเส้นเลือดขอด 500-600 มก. เพื่อรักษาโรค 500-1,000 มก. ทานเวลาไหนก็ได้ทุกๆ 24 ชั่วโมง
- สารสกัดจากเปลือกสนแห่งป่าชายทะเลฝรั่งเศส (Pycnogenol) ทานเพื่อรักษาฝ้า กระ เม็ดสีผิว ผิวไหม้แดด วันละ 100 มก. ทานกับน้ำเปล่าเวลาไหนก็ได้
เวลาเช้า เป็นเวลาที่ร่างกายตื่นตัวมากที่สุด และต้องการสารอาหารมากที่สุด
หากจะทานวิตามินและสารอาหารให้ได้ประโยชน์สูงสุดควรเริ่มต้นที่มื้อเช้าเป็นหลัก
จะทานก่อนอาหารหลังอาหารเทคนิคง่ายๆ คือจำไว้ว่า ละลายในไขมันเช่น a, d, e, k, โคคิวเท็น Q10, fish oil, epo, lecithin ฯลฯ
ให้ทานพร้อมอาหารที่มีไขมันด้วยเล็กน้อย
วิตามิน c, b, วิตามินรวม เมล็ดองุ่น เปลือกสน ให้ทานก่อนอาหารหรือหลังอาหารได้ทันทีพร้อมน้ำ
กรดอะมิโนต่างๆ เช่น กรดอะมิโนที่จำเป็น และไม่จำเป็นกับร่างกาย ให้ทานขณะท้องว่าง ก่อนอาหาร 30 นาที - 1 ชั่วโมง หรือหลังอาหาร 1 ชั่วโมง 30 นาที
ความรู้เพิ่มเติม
วิตามินซีเป็นวิตามินตัวหนึ่งที่ละลายและดูดซึมได้ง่ายที่สุด จะทานเวลาไหนก็ได้ทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องทานตอนท้องว่างเลยด้วยซ้ำ
น้ำมันปลาหรือน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ ต้องทานคู่กับน้ำมันโบราจหรือน้ำมันพริมโรส ต้องทานคู่กันเพื่อสมดุล 3,6,9 และต้องทานอย่างต่ำวันละ 3000 มก.ขึ้นไป และต้องแบ่งทานครั้งละ 1000 มก. น้ำมันปลาใช้แทนน้ำมันแฟลกซ์ได้ และ น้ำมันโบราจใช้แทนน้ำมันพริมโรสได้เช่นกันค่ะ แต่ถ้าจะให้ดีควรทานให้ครบ โอเมก้า 3-6-9 เช่น น้ำมันแฟลกซ์ + น้ำมันโบราจ + น้ำมันปลา
เลซิติน ถ้าจะทานให้ทานพร้อมอาหาร และต้องทาน 1200 มก. วันละ 2 ครั้ง การทานเลซิตีนดีต่อตับและประสาท แต่ถ้ากินมากเกินไปอาจเกิดอาการข้างเคียงเหงื่อแตก คลื่นไส้ ท้องอืดท้องเสีย กลิ่นตัว ห้ัวใจเต้นผิดปกติ
ทานเวทลอส เพื่อลดน้ำหนัก ต้องใช้พลังงานด้วย ให้ออกกำลังกายนิดๆ หน่อยๆ ด้วย เช่นเดินไปเดินมา ขึ้นรถลงเรือ ไม่ใช่นั่งอยู่เฉยๆ จะไม่ได้ผลเพราะมันจะดึงไขมันออกมาก็ต่อเมื่อใช้พลังงาน และเวลาทานก็ทานพร้อมน้ำ 1 แก้วเต็มนะคะ
สารสกัดเมล็ดองุ่น วิธีเลือกซื้อให้ซื้อสารสกัดที่มีค่า OPC 90% ขึ้นไป อย่าซื้อยี่ห้อที่ไม่ได้ระบุค่า OPC หากต้องการกินเพื่อต้านอนุมูลอิสระ ให้กินสารสกัดวันละ 100 มก./วัน เพื่อผิวพรรณและเส้นเลือดขอดวันละ 500-600 มก. เพื่อรักษาโรค 500-1,000 มก./วัน หลังจากกินสารสกัดเมล็ดองุ่น 24 ชั่วโมง จะมีสารออกฤทธิ์เหลืออยูเพียง 28% ดังนั้นจึงควรกินเวลาเดียวกันทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกินเพื่อรักษาโรค